เรื่องนกๆ

ช่วงนี้กำลังอินกับเรื่องนกๆ 
อาจเป็นเพราะนกหลายเรื่องระยะนี้ (ฮ่าา)

ว่างๆ พักสมองจากการคิดงาน
เริ่มจากการปลูกผักไว้กินเองก่อน 
เดี๋ยวๆๆ เอาใหม่ๆ 
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นใหม่  
เอาจริงๆ มันเริ่มมาจากถุงผ้านะ
ชอบใช้ถุงผ้ามานานแล้ว
ตัดใช้เองก็หลายใบ
แต่เริ่มหันมาใช้ถุงผ้าไปตลาดอย่างจริงๆจังๆ
เพราะสแตนดี้พี่ตูนหน้าเซเว่น 

ไม่น่าเชื่อว่าจากจุดเปลี่ยนเล็กๆนี้
ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิตเรา
ซึ่งก็เป็นเรื่องดีๆ  ทั้งนั้น
จึงเห็นควรให้กราบเบญจางคประดิษฐ์
แบบไม่แบมือให้พี่ตูน 3 ครั้ง 
ปฏิบัติ!

จากถุงผ้า 
เราเริ่มใส่ใจเรื่องการคัดแยกขยะในครัวเรือนตัวเอง
แล้วลุกลามต่อมาด้วยการอยากปลูกผักสวนครัว
ไว้กินเองบ้างเลยต้องหาความรู้
ก็ส่อง youtube  นี่แหละ
ครูฟรีเยอะแยะ
แล้วก็ไปเจอรายการ "สูงเตี้ยเรี่ยดิน" 
ของพี่หอยพี่วิลลี่
ซึ่งแกกำลังจะทำ wynn farm 
ก็เลยทำไปพร้อมๆกับแกนี่แหละ 
กดดูรายการแกไปเรื่อยๆ 
ก็ไปเจอรายการ "เพื่อนรักสัตว์เอ๊ย" 
ชอบชื่อมากๆ  
มันใช่เลย ฮ่าๆๆ


ดูรายการนี้เกือบทุก ep
มีการพาไปชมสัตว์แปลกๆ
โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงแนว exotic 
แล้วมาสะดุดหยุดอยู่ที่นกฟอพัส
....
นกแก้วฟอพัส 
หรือ Pacific parrotlet  
ส่วนใหญ่ฝรั่งเรียกสั้นๆ 
รวมๆ ว่า  Parrotlet  

Forpus เป็นนกในตระกูลนกแก้วหรือนกปากขอ
เป็นสายพันธุ์นกปากขอที่เล็กที่สุดในโลก 
นกแก้วที่เราๆรู้จักก็จะเป็นพวกมาร์คอตัวใหญ่ๆ 
พวกเล็กๆ 
ก็จะเป็นพวกค๊อกคาเทล ซันคอนัวร์ กรีนชีค  เลิฟเบิร์ด 
ตามลำดับ 
น้องเล็กที่สุดในตระกูลนี้คือฟอพัส
ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเลิฟเบิร์ดลงไปอีก
จากคนไม่มีความรู้เรื่องนกเลย 
และไม่เคยคิดอยากจะเลี้ยง
พอได้มารู้ข้อมูลใหม่ๆว่านกเนี่ย เราสามารถฝึกให้เชื่องได้
ทำทุกอย่างได้ประมาณหมาเลยทีเดียว 
ก็เริ่มรู้สึกชอบ 
คือเมื่อก่อนเวลาเห็นใครเลี้ยงนกในกรงแล้วจะรู้สึกสงสาร
คิดว่านกน่าจะอยากบินอิสระอยู่บนท้องฟ้ามากกว่าจับเจ่าบนคอนในกรงแคบๆ 
นั่นเป็นความคิดจากมุมที่เห็น
จนได้มานั่งไล่ดูคลิปคนเลี้ยงนกแก้วเลยได้รู้ว่ามันไม่ได้มีมุมเดียว
นกแก้วก็เหมือนหมา แมว สัตว์เลี้ยงทั่วไป
ที่คนเลี้ยงต้องจัดที่อยู่เป็นสัดส่วนให้เขา
และให้เขาออกมาเล่น มีปฏิสัมพันธ์กับคนเลี้ยงเป็นเวลา 
ก็เหมือนเราเลี้ยงหมาแบบมีกรงนอนปล่อยออกเป็นเวลา
อีกทั้งนกแก้วเป็นนกที่สามารถสอนได้
มีความฉลาดในการเรียนรู้ประมาณเด็กสามขวบ
และยิ่งเราใช้เวลากับเขามากแค่ไหน
เขาก็จะติดและเชื่องเรามากแค่นั้น
ไม่ต่างอะไรกับหมาแมวเลย


ดูคลิปนกจนตอนนี้พอแยกแยะประเภทได้บ้างแล้ว
แต่ก็ยังไม่เก่งเท่าไร
สิ่งที่ยากที่สุดคือการแยกเลิฟเบิร์ดออกจากฟอพัส 
เพราะคล้ายกันมาก
ขนาดลำตัวก็ใกล้เคียงต้องสังเกตุดีๆ
ข้อแตกต่างหลักๆ คือ
ขนาดตัว สี ขนาดของปากและสีของปาก
ซึ่งฟอพัสจะเล็กกว่าเลิฟเบิร์ดทุกข้อ 
ตัวเล็กกว่า 
ปากเล็กกว่า สีปากจะออกขาว 
ในขณะที่เลิฟเบิร์ดปากจะออกสีเหลืองหรือส้ม

เลิฟเบิร์ดจริงๆก็น่าเลี้ยง สีสวยมากถึงมากที่สุด 
ถ้าว่ากันเรื่องสี เราเอนเอียงไปทางเลิฟเบิร์ด
พาสเทลฟรุ้งฟริ๊งมุ๊งมิ๊งมากๆ
ยิ่งพวกหัวคร้อป พีชเฟสยิ่งน่ารักสุดๆ  
ตามทวิตและไอจีคนญี่ปุ่นที่เลี้ยงเลิฟเบิร์ดอยู่หลายคน
นางน่ารัก ขึ้นกล้องเป็นที่สุด 




แต่จากการตามดูคนเลี้ยงที่เป็นคนไทย
มักพูดคล้ายๆกันว่า
เลิฟเบิร์ดดุ จิกเก่ง 
โดยเฉพาะพวกมีขอบตา 
ความเชื่องค่อนข้างน้อย 
ยิ่งถ้าเลี้ยงหลายตัวจะค่อนข้างหวงฝูง 
ถ้าเลี้ยงตัวเดียวก็จะรักคนใกล้ชิดคนดีอยู่
เดาว่าเค้าเข้าใจว่าคนเป็นฝูงของตัว
แต่ถ้าเมื่อไหร่เริ่มมีตัวที่สองที่สาม
คราวนี้สัญชาติญาณความเป็นนกจะยิ่งชัด
ไม่ค่อยสนใจเจ้าของ หวงฝูง และดุ

จากการตามดูคลิป
บรรดาคนเลี้ยงนกปากขอไซส์เล็ก
เราพบว่า 
หากจะเอาความเชื่อง ฉลาดสอนง่ายติดคนขี้อ้อน
คงต้องยกให้ซันคอนัวร์ที่มาวิน


อุปนิสัยถ้าเทียบกับหมาก็
ประมาณโกลเด้น ลาบราดอร์
เชื่องๆ เรียกมาหา ติดคน ว่านอนสอนง่าย
รักทุกคนไม่ดุร้าย ชอบนอนหงายให้เกาพุง
แต่ข้อเสียของซันคอนัวร์สำหรับเรา
คือสีที่มีสีเดียวไม่หลากหลาย 
สีจัดตัดกันโช๊ะเช๊ะสไตล์บราซิลเลี่ยน
กับขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่
รวมหางยาวๆเข้าไปก็กินพื้นที่พอสมควร
ที่สำคัญเขาว่ากันว่า
เสียงร้องดังทีเดียวเชียวแหละ 

ส่วนกรีนชีค คอนัวร์
เราชอบสีพายแอปเปิ้ลนะ
สวยดี
หัวเทาๆ มีการไล่ระดับอ่อนไปแก่
ลักษณะนิสัยถ้าเทียบกับหมา นี่น่าจะเป็นไซบีเรียน ฮัสกี้
หรือแจ๊ครัสเซล เพราะดูไฮเปอร์ซุกซน
ตามทวิตคนญี่ปุ่นที่เลี้ยงสีนี้อยู่นางสีหวานสวยมาก
ยังไม่เคยเห็นสีออกสวยหวานแบบนี้ในไทย 






แต่ที่ชอบและรู้สึกว่าถ้าจะลงเอยก็น่าจะฟอพัสนี่แหละ 
เพราะทุกอย่างลงตัวกับเรามากๆ 
ตัวจิ๋ว สีหวาน เชื่องฉลาด








....
ตามดูตามศึกษาอยู่พอสมควร 
รวมทั้งแอ้ดตัวเองเข้าไปในกลุ่มคนเลี้ยงฟอพัสหลายกลุ่ม
ซึ่งเอาจริงๆไม่ค่อยดีกับเราเท่าไร
 เพราะกระตุ้นกิเลสมาก เห็นแล้วมันอยากได้ ฮ่าๆๆ 
หลังๆต้องปิดโนติสฯเพื่อบรรเทากิเลสตัวเอง
ว่างๆค่อยเข้าไปดูให้ชื่นใจทีนึง 

ชอบฟอพัสที่ตัวเล็กดี ขนาดไม่ถึงฝ่ามือ หางสั้น
ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงไม่มาก 
จะพกพาไปไหนก็ง่าย 
นิสัยน่ารัก เชื่อง ฉลาด
สามารถสอนให้ทำสิ่งต่างๆได้
มีคลิปสอนเต็มเลยทั้งไทยและเทศแต่ละตัวเก่งๆทั้งนั้น
ตัวเล็ก ปากก็เล็ก
ถ้าจิกก็ไม่น่าจะเจ็บ(มาก...มั๊ง?) 
เสียงร้องก็ไม่ดังด้วย
จิ๊บจั๊บในเดซิเบลที่เสนาะหู 
เบาสุดกว่าพวกที่กล่าวมาข้างต้น
ฟอพัสมีสีเยอะมากกก 
มีบรีดเดอร์ในไทยที่พัฒนาเรื่องสีเยอะพอควร
แบบเบสิคสีพื้น เขียว ฟ้า เหลือง ก็ไม่แพง หลักร้อยถึงพันเศษๆ
ถ้าเป็นพวกพาสเทลก็จะแพงขึ้นมาอีกนิด
ยิ่งมีความซับซ้อนของสีมากเท่าไร ราคาก็จะอัพตาม


ตอนแรกที่หาข้อมูลชอบสีบลูนะ 
มันฟ้าสวยมาก


แต่พอมาเห็นบลูเทอร์ควอยซ์ 





ก็เอออ ชอบๆ 
ฟ้าประกายเขียวๆ ที่หัว สีเหมือนสีน้ำทะเลเลย
ดูไปดูมา
มาเจอไดลูทเทอร์ควอยซ์ 
โทนจะอ่อนกว่า ออกแนวหวานๆ
แต่ยังมีแต้มฟ้าๆเขียวๆ 




เขาบอกถ้าชอบสีสวยๆต้องตัวผู้นะ 
ก็เหมือนสัตว์ทั่วไปในธรรมชาติ
เพศผู้จะมีลักษณะที่สวยงามกว่าเพศเมีย
เพื่อดึงดูดให้เกิดการผสมพันธุ์
ฟอพัสตัวผู้จะมีสีฟ้าเข้มที่หางตาสองข้าง
หรือที่เค้าเรียกกันว่าคิ้ว 
มีสีฟ้าเข้มที่ปลายปีก และโคนหางที่เค้าเรียกว่าล้ำ
ซึ่งมันทำให้ดูมีสีสัน มีอัตลักษณ์
แต่ตัวเมียจะไม่มีสิ่งเหล่านี้
สีจะพื้นๆไป

คิดว่าถ้าจะเลี้ยงจริงๆก็คงจะไม่พ้นสีที่กล่าวมา 
บลู บลูฟอลโล่ 
บลูเทอร์ควอยซ์
ไดลูทก็หวานดี



พวกพาสเทลอ่อน จางๆ สวยหมดนะ
แต่คงไม่เอา pied 
เพราะรู้สึกว่าดูเหมือนสีตกๆไงไม่รู้
อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะ 
เอาจริงๆ ถ้าจะรับมาเลี้ยงคงดูรวมๆ มากกว่า 
ความงามมันคือศิลปะ
ไม่ว่าจะสีไหน ถ้าผสมกันแล้วมันลงตัว
มันก็คือสวย 

ตอนนี้ก็ศึกษาไปเรื่อยๆ ก่อน 
ดูคลิป จอยกลุ่มที่เค้าพูดคุยแลกเปลี่ยน
ไม่ได้คุยกับใครแค่อยากเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ
เรื่องราคาค่าเมนเทนเน้นท์ต่างๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา
ถูกกว่าหมาที่เลี้ยงอยู่เยอะ

แต่ส่วนตัวคิดว่า 
การจะเลี้ยงอะไรสักอย่าง
สำหรับเรามันไม่ใช่แค่มีเงินซื้อ
สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือเรื่องที่เงินซื้อไม่ได้
เวลา ความรักและความใส่ใจ

ซึ่งตอนนี้เราใช้ไปกับการดูแลหลุนกับช่ายอยู่
เคยคิดไว้ว่าพอหมดหลุนกับช่ายก็คงจะเลี้ยงหมาเหมือนเดิม 
อาจเป็นแจ๊ครัสเซล
คิดว่าจะเลี้ยงแค่ตัวเดียวพอ 
เพราะรู้สึกว่าการมีสัตว์เลี้ยงมากกว่าหนึ่งตัวใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ 
มันเหนื่อยเกินไปสำหรับเรา
แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นนกซะแล้ว 
แลดูจะใช้พลังงานน้อยกว่าหมา
แอคทิวิตี้ไม่มาก 
แต่ก็ไม่แน่ว่าพอวันนั้นมาถึงจริงๆ  
เราก็อาจเปลี่ยนใจไปเลี้ยงอย่างอื่นอีก 

หรืออาจไม่เลี้ยงอะไรเลยก็เป็นได้
อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอน 
....
วางใจไว้อย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน.
.... 




ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม