Dollfete


จบจากงาน Dollfete ที่แสนจะเหนื่อย ตั้งใจกลับมา set up ชีวิตใหม่ พยายามทำงานเรื่อยๆไม่เร่งรีบ ไม่ขับเคลื่อนด้วยกิเลส หรือความอยากจะให้งานเสร็จสมบูรณ์ เพอร์เฟคไร้ที่ติ เพราะที่ผ่านมารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินและมันทำให้นั่งทำงานอย่างไม่มีความสุข ต้องหาสิ่งอื่นมาทดแทนเ่ช่นเล่น app ใน iphone หรือเล่น facebook 
เคยถามตัวเองดังๆว่า.... 'นี่เรากำลังทำอะไรอยู่?'
.....'ทำไม ได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้วถึงโหยหาอย่างอื่น?'
.....'ถ้านี่มันเป็นสิ่งที่ชอบและอยากทำ แล้วทำไมมันไม่มีความสุข?'

...และอีกสารพัดคำถามมากมายที่ล่องลอยเคว้งคว้าง หนืดหน่วงในสภาพไร้แรงดึงดูด ไร้ทิศทางและการควบคุมเหมือนมนุษย์อวกาศบนยานอพอลโล่สิบสามก็ไม่ปาน!
บางทีฉันก็สงสัยว่าฉันโลภไปมั้ย อยากได้ความสุข อิสระ ได้ทำงานที่ชอบ งานออกมาเลิศเลอเพอร์เฟคและเงินดีด้วย(ไม่น่าถามเนอะ ^^')...
คิดได้ดังนั้นหน้าคุณเหมียวแห่งสมการความสุขก็ลอยเด่นขึ้นมาในห้วงความคิด มันต้องมีอะไรผิดสักอย่างในสมการของฉัน คิดอยากจะถอดตัวแปรบางอย่างออกดูทีรึ... เผื่อมันจะได้คำตอบที่ใช่ ในเมื่อใส่ตัวแปรพวกนี้เข้าไปแล้วผลมันออกมาไม่ใช่....



ใอ้อาการสมองตันคิดงานไม่ออกมันเกิดกับฉันมาระยะนึงแล้ว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรทำให้หมดมุกเอาดื้อๆอย่างนี้ ระยะหลังสภาพกลวงโบ๋เริ่มส่งผลต่ออารมณ์มากขึ้นเพราะมันไม่ได้ดั่งใจ หงุดหงิดจิตหดไปหมด ใครพูดไรขัดหู ทำไรไม่ได้อย่างใจ บางทีนิดเดียวก็ทำให้ฉันบันดาลโทสะได้มากมายไม่น่าเชื่อ ความมั่นใจที่เคยมีหดหาย ลังเลพะว้าพะวง พอเป็นมากๆก็เริ่มเครียด  บ่อยครั้งที่ฉันสแน๊ปเอากับคนรอบข้างไม่เว้นแม้กระทั่งคนใกล้ตัว หมาสุดรักทั้งสองก็ยังพลอยโดนหางเลขไปด้วย

....อืมมมม...ชักไม่ได้การแระ เอะใจกลับไปคุ้ย youtube ดูคลิปคุณเหมียวอีกทีถึงกับยกมือขึ้นทาบอก(น้อยๆ)ของตัวเอง แล้วอ้าปากหวอ พร้อมอุทานว่า 'นี่มันกรูชัดๆ'


....แม่จ้าววว..เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันนี่???
...ไม่ได้การแระ หาคอร์สปฏิบัติธรรมเร่งด่วน รู้สึกห่างหายไปนาน สติสะกดถูกแต่กำหนดไม่ถูกแระ
...เมตตาเป็นยังไงทำไม่เป็น ใครเจ๋อมาตอนนี้แม่สวนเลือดกลบปากทันทีแถมยังเลือดเย็นตามไปตื้ับซ้ำให้แน่ใจว่ามันปางตายนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกนานแน่ๆ !!
.... แย่แระวิมุกต์ something wrong กะหล่อนแน่ๆ

แต่ด้วยความโลภ...เอ้ยย ไม่ใช่ๆ ความที่ยังมีงานสำคัญรออยู่คืองาน dollfete ที่ปีนึงจะไปออกร้านกะเค้าสักทีนึง ทำให้ไม่สามารถปลีกวิเวกได้จริงๆ จึงวิสาสะคิดว่าในเมื่อไปปฏิบัติธรรมตามสถานปฏิบัติธรรมไม่ได้ก็ทำบ้านกรูนี่แหละวะให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมซะเลย.... คิดได้ดังนั้นก็ลงปฏิบัติการปลีกวิเวก ตัดขาดจากโลกภายนอกทุกชนิด facebook, path และ social network อื่นๆไม่เล่น จริงๆมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร และจะเรียกว่าตัดขาดก็ไม่ถูกนัก ค่าที่เดิมทีก็ีมีสภาพเหมือนถูกตัดขาดจากเพื่อนอยู่แล้ว เพื่อนน้อยลงเรื่อยๆ หลังๆออกแนวน่ากลัวจนเพื่อนที่น้อยอยู่แล้วเริ่มไม่กล้าคุยด้วยเพราะไม่รู้เมื่อไหร่ตัวเองจะเป็นรายต่อไป...
...เอาเถอะ เอนี่เวย์... iphone ก็ปิด notification ทุกอย่างปิดหมด  ปิดเสียงโทรศัพท์ด้วยแล้วจัดการโยนมันไว้ไกลตัวที่สุด เปิดคลิปธรรมมะบรรยายของหลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายคลอไปขณะนั่งกำหนดสติอยู่กับงานที่ทำ ....
....ก่อนนอนจึงจะหยิบ iphone ออกมาเช็คข้อความ มิสคอลล์และโลกภายนอกคร่าวๆ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญเร่งด่วนก็โยนมันไว้ที่เดิมแล้วกำหนดสติหลับคร่อกๆ ตื่นเช้ามาทำงานต่อ.....

ฉันทำอย่างนี้อยู่ 1 อาทิตย์เต็มๆ  วันแรกจะลงแดงเอา มือไม้สั่นอยากจะเข้า facebook อยากจะหยิบ iphone ขึ้นมาดูแล้วอ้างกับตัวเองว่าเผื่อมีเรื่องคอขาดบาดตายใครติดต่อมาแล้วติดต่อไม่ได้จะทำยังไง จริงๆมันไม่มีทางมีหรอกใอ้เรื่องแบบนั้นหน่ะ แต่กิเลสหน่ะ มันหาเหตุผลดีๆให้เราได้สารพัดสารเพ....  วันหลังๆก็เริ่มคล่องมากขึ้น ดิ้นรนน้อยลง เหมือนได้กลับไปปฏิบัติธรรมอีกครั้ง ความสุขที่ได้จากความสงบมันหาสุขใดมาเปรียบไม่ได้จริงๆ  ....




...เริ่มคิดงานออกได้เรื่อยๆ แต่เวลามีน้อยมาก 1 อาทิตย์ทำได้ 5 แบบแต่ก็คิดว่าตัวเองทำเต็มที่แล้วเหมือนกัน กิเลสและความโลภในใจก็ยังทำงานเืบื้องหลังอย่างเงียบๆ แอบโผล่มาจ๊ะเอ๋แพลมๆในความคิด ......



...จะขายดีมั้ยน๊อ ....เค้าจะชอบกันมั้ยน๊อ แล้วจะขายหมดเกลี้ยงเหมือนปีที่แล้วมั้ยน๊อ....



....เริ่มเครียดอีก กดดันตัวเอง เฮ้ยยไม่ได้ดิ ความสำเร็จครั้งก่อนมันค้ำคออยู่ น้อยกว่านี้ได้ไงเสียเชิงๆ



....คนเรานี่มันช่างหาเรื่องมาทุกข์มาท้อ มาเครียดได้ไม่หยุดหย่อนจริงๆนะ รู้เท่าทันกิเลสแต่ก็ยังห้ามไม่ค่อยได้ บ่อยครั้งที่ใจทุรนทุรายไปในเรื่องอนาคตกว่าจะดึงกลับมาได้ก็เผลอเครียดไปแล้ว





พอวันงาน dollfete ก็พาัตัวและใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังไปจัดบูทขายของที่อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่

....ปีนี้ไม่ได้จัดบูทสวยงามเท่าปีที่แล้ว ...ด้วยความที่ไม่มีเวลาคิดเลยหยิบเอาของจุ๊กจิ๊กที่บ้านไปวางแปะๆ พอเป็นกระสัย แล้วคิดเข้าข้างตัวเองว่า ของจริงมันอยู่ที่ชุดเว้ยยย โฮ่ๆๆ

 ....ชุดปีนี้เต็มที่เป๊ปซี่อาย...(ยิ้มกรุ้มกริ่มปลากรอบ) หุหุหุ....

....หึหึหึ ผลปรากฎว่าขายได้แค่ครึ่งของปีที่แล้ว จบงานกระเป๋าตุงกลับบ้าน ล้วงออกมาไม่ใช่เงินแต่เป็นความผิดหวังล้วนๆไม่มีอย่างอื่นเจือปน เพียวแม่กๆ....

....ถามว่าเฟลมั้ย เฟลมากมายมหาศาล เพราะคาดหวังไว้เยอะแต่ไม่รู้ทำไมใจมันกลับไม่ค่อยรู้สึกเสียใจอะไรมากนัก  ผิดหวังแต่ก็ไม่เสียใจแปลกดี...

...อาจเป็นเพราะคิดว่าทำเต็มที่แล้ว คือไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะหาอะไรมาโทษตัวเองให้เจ็บใจดี....เอออออ แล้วก็นึกขึ้นได้... แล้วทำไมเวลาเกิดความรู้สึกในด้านลบแล้วต้องหาอะไรลบๆมาเพิ่มด้วยวะ....คนเราเวลาทุกข์ เวลาเสียใจทำไมชอบหาอะไรมาซ้ำเติมตัวเองด้วยเล่า.....

.....นึกถึงตอนวัยรุ่นอกหักครั้งแรก จำได้ว่าแทนที่จะรีบทำให้ใจมันดีขึ้น หาอะไรเบิกบานทำ กลับตรงรี่เข้าไปในห้องน้ำเปิดฝักบัวรดหัวตัวเองแล้วร้องไห้ถ่าย MV อยู่คนเดียวเป็นชั่วโมง เท่านั้นยังไม่พอ ออกจากห้องน้ำมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อตัวให้แห้งก็ยังมาเปิดวิทยุใอ้คลื่นที่มันชอบเปิดเพลงเศร้ารันทดๆ อีก น้ำตาเริ่มมาเป็นสายๆ ....เสียงมาแระขาดภาพปลากรอบ วิ่งไปรื้อใต้เตียง คุ้ยรูปคู่เก่าๆมาเปิดดูรำลึกความหลังครั้งหวานชื่น อืมมมมเอาให้ตายๆ
 .....นึกแล้วก็ขำเมิงจะบิ้วไปไหนเนี่ย......

 ...เอนี่เวย์ กลับมาที่ปัจจุบัน ...
พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็เอาชุดที่เหลือมาถ่ายรูปๆๆ เข้าโฟโต้ช้อป ตกเย็นก็เอาไปลงขายใน etsy ...
...คิดหงอยๆในใจว่าไม่เป็นไรเด๋วค่อยๆขายใน etsy ก็ได้วะ มันต้องขายได้บ้างล่ะน่านิดๆหน่อยๆก็ยังดี  ให้เวลาปีนึงขายที่เหลือให้หมด....
...เสร็จแล้วก็ผลอยหลับไปแบบเจียมตัวเจียมใจ......
สะดุ้งตื่นมาอีกทีเมื่อได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งๆจาก iphone สามสี่ทีติดๆกัน งัวเีงียหยิบมาดู เฮ้ย! ของที่วางบน etsy ขายได้นี่หว่า ....เลย list ขึ้นไปใหม่ ยังไม่ทันจะ list ครบทุกรายการ
...ขายได้อีกแล้ว! เฮ้ยยยยย!!  ...สรุปว่าคืนนั้นทั้งคืนขายได้เรื่อยๆ จากร้อย สองร้อย สามร้อย สี่ร้อยเหรียญ...

...และภายใน 2 วันได้มาพันกว่าเหรียญ แม่จ้าววของเค้าขลังจริงๆ....
... เวลางานที่ตัวเองทำขายได้ สิ่งที่เพิ่มพูนไม่ใช่แค่เงิน แต่เป็นความมั่นใจ.... และความสุขที่ได้รับการเติมเต็ม ...จริงอยู่มันสุขอยู่แล้วตอนที่ทำ แต่ถ้าของที่ทำมันขายได้ด้วย มัน completely...

...มันเหมือนถั่วแปบถอดกรอบเหลืองนวล ยั่วยวนอยู่บนข้างเหนียวมะม่วง พอตักเข้าปากความหวานมันของข้าวเหนียวมูลราดกะทิ และหวานหอมเย็นชื่นใจของมะม่วงสุกมันก็ดีอยู่แล้ว แต่พอเคี้ยวเจอถั่วแปบกรอบกรุบๆเข้าไปแล้วมันเพิ่มความสุดยอดในการกินเข้าไปอีก
...เหมือนกลิ่นหอมของเทียนอบ ดอกมะลิที่กรุ่นขึ้นจมูกเวลาตักลอดช่องน้ำกะทิเข้าปาก
.....มันเพิ่มอรรถรสในการกินและการทำงานได้อีกโข....พูดแล้วน้ำลายสอเต็มกระพุ้งแก้ม ..

นึกขึ้นได้ว่ามีคนเคยพูดไว้ว่า ความสุขก็เหมือนผีเสื้อ ถ้าคุณเอาแต่วิ่งไล่ไขว่คว้า มันก็จะยิ่งบินหนี ไล่จนเหนื่อยก็ไม่มีทางได้มาครอบครอง  แต่เมื่อใดที่คุณนั่งนิ่งๆ สบายๆ ผีเสื้อก็จะบินมาเกาะไหล่คุณเองอย่างเงียบๆ ยิ่งคุณทำเป็นไม่สนใจมัีนยิ่งเกาะนิ่งไม่ไปไหน....
....เมื่อตอนขายของในงาน ...เหมือนเราจะหวังมากไป อยากได้มากไป ใจมันรุ่มร้อนทุรนทุรายและไขว่คว้า........ต่างกับใจตอนที่เอาของไปวางบน etsy เป็นคนละใจ คนละคน...
....เผลอแป๊บเดียว หันไปอีกทีผีเสื้อก็มาเกาะนิ่งยิ้มเผล่อยู่บนไหล่เสียแล้ว....แถมยังกระซิบเบาๆว่า...

...ฉันอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว แค่หันมามองเธอก็จะเห็น....^^



    
  



ความคิดเห็น

wimukt กล่าวว่า
ฮาโหลเทสๆๆๆๆ

บทความที่ได้รับความนิยม