เมื่อวันที่รู้...



เขาบอกว่าที่ผ่านมา ฉันรู้ว่าเธอเป็นทุกข์ และกำลังไม่มีความสุข... เวลาเธอไม่มีความสุขคนรอบข้างก็สัมผัสได้......
.....
...
..แปลกดี! ที่เขาไม่เคยถาม ทำไมรู้ว่าเพื่อนทุกข์แต่ไม่คิดจะถามไถ่ช่วยเหลือ อย่างน้อยก็ช่วยรับฟัง?   ฉัีนได้แต่รำพึงคำถามนี้ในใจ

....A friend is someone who helps you up when you're down, and if they can't, they'll lay down beside you and listen.   
...เพื่อนในความคิดของฉันเป็นแบบนี้นะ...

...
....แต่ไม่เป็นไรนิยามเราอาจไม่เหมือนกัน ...หรือว่าเหมือนกันนั่นแหละแต่กับเขา ฉันไม่ใช่ 'เพื่อน' ก็เป็นได้...
...ณ จุดนี้ฉันเลยไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม  หรือจะคิดให้ทุกข์ต่อไปอีกอย่างไร ...
.....เพราะตรองดูแล้ว ที่ผ่านมามิตรภาพที่ฉันมีให้เขามันก็เป็นเรื่องดีๆทั้งนั้น ...มันไม่ได้เสีย ฉันทำแล้วก็สบายใจ อย่างน้อยมันก็เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า ฉันได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่า  หากเขาจะไม่รับรู้ หรือไม่คิดกับฉันอย่างนั้นมัีนก็เป็นเรื่องในฝั่งของเขา  ฝั่งของฉันๆ ว่าฉันทำดีแล้ว
... ฉันไม่เสียดายหรอก...นั่นคือเรื่องที่ผ่านมานะ
......
..ส่วนเรื่องในอนาคต ต่อจากวันนี้ไป ฉันก็คงปรับจูนบางอย่าง ให้เหมาะสม เสมอกันทั้งสองฝั่ง ...มิตรภาพยังคงมีอยู่แต่เป็นในระดับที่ีเสมอกัน เพื่อไม่ก่อทุกข์ให้กับใจตัวเอง  
....
..


 

                      Things change, and  friends leave, and life must go on.


 


   


ความคิดเห็น

moomin กล่าวว่า
^^ คนเราบางทีก็เข้าใจยาก ต่างคนต่างความคิด เหตุผล108สารพัดจะนึกได้ค่ะ. บางทีที่เอ๋หายไป ที่เอ๋ไม่ได้อยู่ในเวลาที่พี่แหม่มเหงาหรือต้องการใครรับฟังปัญหา อยากให้พี่แหม่มรู้ว่า เอ๋ก็ยุ่งอยู่กะตัวเอง เอ๋อาจจะไม่ได้รับรู้ทุกอย่าง แต่ขอให้บอกค่ะ เมล์มาก็ได้. เอ๋โทรไปหาได้เสมอๆ ถ้าพี่แหม่มเงียบไปก็ไม่รู้กัน จะก่อให้เกิดสะสมความไม่เข้าใจต่อกันได้ค่ะ^^
wimukt กล่าวว่า
ถ้าไม่รู้ก็ไม่ได้คิดอะไรจ้ะ แต่ถ้ารู้แล้วทำเฉยๆก็อีกเรื่องนึงนะ...แต่จริงๆเรื่องอย่างนี้มันก็ไม่ควรมานอยด์อะไรหรอก ก็แค่รู้ไว้ในใจแล้วจำไว้แค่นั้นว่าใครเป็นไง พี่เขียนเพราะอยากบันทึกเอาไว้ว่า ณ ขณะนั้นพี่รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ และมีวิธีแก้ปัญหากับมันยังไง ณ ขณะนั้นเราอาจคิดผิดทำผิดก็ได้ นานๆไปเมื่อไม่มีอารมณ์กับตรงนั้นแล้วกลับมาอ่านแล้วจะได้รู้ว่าเราพลาดอะไร ตรรกะตรงไหนที่ผิดแล้วทำให้เกิดทุกข์ มันทำเราย่ำแย่แค่ไหนในตอนนั้น หรือบางทีมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ที่มันฟุ้งไปใหญ่โตก็เป็นเพราะเราหมกมุ่นคิดมัน ต่อไปก็จะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเอง

...ความสุขของเราก็ไม่ควรเอาไปฝากไว้กับใครหรือให้ใครมาเป็นคีย์เวิร์ดในการจัดการกับชีวิตของตัวเองหรอก อันนี้รู้อยู่แล้วแต่บางทีมันทำไม่ได้ เพราะความเคยชินบ้าง หลงลืมศักยภาพของตัวเองบ้าง อยู่กับเพื่อนแล้วมันสนุก พอมีความทุกข์เพื่อนไม่สนใจก็ร่ำร้องอยากจะให้เค้าเหลียวแล เวลาล้มไม่อยากจะลุกขึ้นมายืนเองอยากให้เค้ายื่นมือมาดึงขึ้น ทั้งๆที่ลุกเองก็ได้ งอแงเป็นเด็กๆ ฯลฯ...

บันทึกไว้เพราะอยากเห็นเบื้องลึกในใจตัวเอง ตีแผ่มันออกมา จะได้รู้และจะได้ไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำๆอีก... เอ๋อ่านบางทีอาจนึกขำ หรือตะลึงว่าแท้ที่จริงพี่เป็นคนแบบนี้เหรอ คิดแบบนี้อ่ะนะตื้นเขินจัง อะไรแบบนี้ก็ได้นะ ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรพี่ไม่อายที่จะโชว์ตัวตนที่แท้จริงกับเอ๋ ...ไม่อ่านไม่เม้นท์ได้หมดไม่เป็นไรเลย ไม่คิดมากด้วย บล๊อคตรงนี้เขียนไว้ไม่ได้บอกใครเพราะไม่ได้ต้องการโชว์หรืออยากให้ใครมาอ่าน ไม่ได้อยากได้ไลค์อยากได้เม้นท์แค่อยากบันทึกจ้ะ หลังๆพี่ออกจะชินแล้วกับการโพสท์อะไรไปแล้วไม่มีใครมาไลค์มาเม้นท์ ดูเฟสบุ๊คพี่สิ โพสท์ไรไปมีไลค์หยอมแหยม บางอันไม่มีเลยแม้แต่ไลค์เดียว ประสาอะไรกับบล๊อคที่ไม่ได้บอกใครว่ามานั่งเขียน ชิลล์มาก ^^

ป.ล. พี่รู้อยู่แล้วว่ามีอะไรให้บอกเอ๋ได้ จำได้ดีเอ๋เคยบอกครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว และเข้าใจดีว่าเอ๋ก็มีปัญหาของเอ๋เองด้วยจ้ะ. ^^



moomin กล่าวว่า
อ่านแล้วโดนค่ะ เป๊ะ. เอ๋ก็อยากบันทึกไว้บ้างเหมือนกันแต่ ยังไม่พร้อมเปิดใจเปิดกรุมองตัวเองจริงๆจังๆค่ะ. ณช่วงเวลานั้นๆ เราก็มีความรู้สึก อารมณ์ มุมมอง ที่พอมามองย้อนไปอีกทีก็กลายเป็นเรื่องเล็กลงบ้าง อาจจะสะสม อาจจะใหญ่ขึ้น ก็แล้วแต่ แต่ถ้าเอามันมาขัดเกลาใจตัวเองได้ เราก็ทุกข์น้อยลง.
ช่วงไหนทุกข์ ไหนสุข บางทีเอ๋ยังไม่รู้ตัวเลยค่ะ.
เอ๋เขียนบล็อกก็ไม่คาดหวังให้ใครมาเม้นต์เหมือนกัน เพราะเอ๋ก็ไม่ค่อยเม้นต์ใคร (คือมองย้อนดูตัวเอง บางทีเราอ่าน เราชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกหรือความคิดเห็นอะไร นอกจากจะอยากสื่อสารไปบ้างค่ะ555ขี้เกียจนั่นเอง จริงๆแล้ว)

บทความที่ได้รับความนิยม