ทฤษฎีสัมพันธ์ภาพของฉัน...
เมื่อหัวใจเราพองโตด้วยความปลื้มปิติ ฉันมักบอกตัวเองเสมอว่า 'ระวังนะ! ระวังนะ!' เพราะเวลาเราดีใจกับอะไรมากๆมันเหมือนตัวเราลอยสูงขึ้นๆ และเวลาตกลงมามันเจ็บ!...ความเจ็บไม่ได้ผันแปรตามความสูงเพียงอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวเนื่องกับระดับอีโก้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกทีๆด้วย ....ทฤษฎีสัมพันธ์ภาพของไอน์สไตน์...นั่นแหละที่ฉันนึกถึง.
แต่ถ้ามีเรื่องให้ปลื้มปิติดีใจแล้วไม่ฉกฉวยช่วงเวลานั้นมาสร้างความสุขรื่นรมย์ให้กับตัวเองก็ดูเหมือนเป็นคนคิดลบ อมทุกข์....
...แล้วจะทำยังไงดีที่จะทำให้เรามีความสุขได้โดยมีข้อบกพร่องให้น้อยที่สุด หรือไม่แฝงโทษสอดไส้ยาพิษให้ระทมทุกข์ภายหลัง..
...อืมมมม...ยังคิดไม่ออก...
ดูเหมือนว่าฉันถนัดในทางทำใจให้ไม่ทุกข์มาก เวลาเจอเรื่องร้ายๆ มากกว่าการดีลกับความสุขยังไงไม่ให้ทุกข์เพราะกลัวของแถม!......
มันเหมือนเราซื้อน้ำอัดลมมากิน มันหวานซ่า อร่อยชื่นใจ ถามว่ารู้มั้ยว่ามันก่อโทษกับร่างกาย...ตอบได้ว่าก็รู้ ๆ
แต่เสียงข้างในใจมันมักโต้ว่า 'เอาน่า นานๆที'
'อู้ยยย...กินไปเหอะไม่ได้เยอะแยะอะไร คนเราชีวิตนึงเด๋วก็ตายแล้วจะอะไรกันนักกันหนามีความสุขก็ต้องรีบคว้านะ....'
ครั้นจะกินแต่น้ำเปล่า หันไปเห็นเพื่อนซดเป๊บซี่โฮกๆอย่างมีความสุขก็รู้สึกว่า 'ทำไมชีวิตกรูแห้งแล้งจัง....'
หากเผลอซัดน้ำอัดลมซะเต็มคราบ ผลสุดท้ายก็ลงเอยที่อ้วน เป็นโรค สุขภาพย่ำแย่....
ความพอดีมันอยู่ตรงไหนน๊อออ ใจคนเรานี่มันไม่พร่องก็ล้น มีแค่สองช้อยส์นี้เท่านั้นเหรอ?
ครูบาอาจารย์ท่านว่า จะสุขจะทุกข์ก็ให้พิจารณาด้วยปัญญาให้รอบด้าน แล้วจะรู้เองว่าเราควรมีปฏิสัมพันธ์กับเรื่องๆนี้อย่างไรดีที่สุด Do not re-act but respond.
.....
........
.....อืมมมมมมมมม แล้วกรูจะ respond ยังไงหนอ.....
นี่คือต้นเหตุที่ทำให้ฉันนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากมาสองสามคืน.....
หมายเหตุ : สาวในคลิปแรกน่ารักมากๆ :)
แต่ถ้ามีเรื่องให้ปลื้มปิติดีใจแล้วไม่ฉกฉวยช่วงเวลานั้นมาสร้างความสุขรื่นรมย์ให้กับตัวเองก็ดูเหมือนเป็นคนคิดลบ อมทุกข์....
...แล้วจะทำยังไงดีที่จะทำให้เรามีความสุขได้โดยมีข้อบกพร่องให้น้อยที่สุด หรือไม่แฝงโทษสอดไส้ยาพิษให้ระทมทุกข์ภายหลัง..
...อืมมมม...ยังคิดไม่ออก...
ดูเหมือนว่าฉันถนัดในทางทำใจให้ไม่ทุกข์มาก เวลาเจอเรื่องร้ายๆ มากกว่าการดีลกับความสุขยังไงไม่ให้ทุกข์เพราะกลัวของแถม!......
มันเหมือนเราซื้อน้ำอัดลมมากิน มันหวานซ่า อร่อยชื่นใจ ถามว่ารู้มั้ยว่ามันก่อโทษกับร่างกาย...ตอบได้ว่าก็รู้ ๆ
แต่เสียงข้างในใจมันมักโต้ว่า 'เอาน่า นานๆที'
'อู้ยยย...กินไปเหอะไม่ได้เยอะแยะอะไร คนเราชีวิตนึงเด๋วก็ตายแล้วจะอะไรกันนักกันหนามีความสุขก็ต้องรีบคว้านะ....'
ครั้นจะกินแต่น้ำเปล่า หันไปเห็นเพื่อนซดเป๊บซี่โฮกๆอย่างมีความสุขก็รู้สึกว่า 'ทำไมชีวิตกรูแห้งแล้งจัง....'
หากเผลอซัดน้ำอัดลมซะเต็มคราบ ผลสุดท้ายก็ลงเอยที่อ้วน เป็นโรค สุขภาพย่ำแย่....
ความพอดีมันอยู่ตรงไหนน๊อออ ใจคนเรานี่มันไม่พร่องก็ล้น มีแค่สองช้อยส์นี้เท่านั้นเหรอ?
ครูบาอาจารย์ท่านว่า จะสุขจะทุกข์ก็ให้พิจารณาด้วยปัญญาให้รอบด้าน แล้วจะรู้เองว่าเราควรมีปฏิสัมพันธ์กับเรื่องๆนี้อย่างไรดีที่สุด Do not re-act but respond.
.....
........
.....อืมมมมมมมมม แล้วกรูจะ respond ยังไงหนอ.....
นี่คือต้นเหตุที่ทำให้ฉันนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากมาสองสามคืน.....
หมายเหตุ : สาวในคลิปแรกน่ารักมากๆ :)
ความคิดเห็น
ได้ยินเค้าว่าให้ทำตัวปกติไป หัวใจพองโตบ้างก็ดีของมันอยู่แล้ว เราไม่ได้เยินยอตัวเองซะหน่อย ไม่ได้เหลิงจนเสียการเสียงาน น่าจะเป็นเรื่องดีๆพี่แหม่มสู้ๆ