ข่าว...


ยืนอ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ฆ่าเวลาตอนรอกาแฟ....
"พตท. ฆ่าตัวตายด้วยการขังตัวเองในรถ จุดเตาถ่าน เมียมึนตึ้บไม่รู้สาเหตุ" 
ไล่กวาดตาอ่านรายละเอียดคร่าวๆ ในหน้า 15 แล้วเกิดคำถาม..
มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเป็นสามี ภรรยากันไม่รู้ว่าตอนนี้คู่ชีวิตของตัวเองกำลังป่วยทางจิต?
เป็นข้าราชการมาจนได้ยศใหญ่โตอยู่ๆ ก็ลาออก?
อ่านดูแล้วก็มีอาการบ่งบอกหลายอย่าง แล้วมันเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?  
แต่ก็นั่นแหละเราก็เป็นแค่คนอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ มันคงมีรายละเอียดหลายอย่างที่เขาไม่ได้ระบุและเราไม่รู้ ในระหว่างครอบครัว คนสองคนตอนนี้สถานะคืออะไร? สถานการณ์เป็นแบบไหนกันแน่? 
สิ่งที่เราคนภายนอกผู้เสพย์ข่าวได้จากเรื่องนี้คือการกลั่นกรองและถอดบทเรียนให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และไม่เผลอไปตัดสินอะไรใครในขณะที่ข้อมูลเรายังไม่ครบ...
สิ่งสำคัญที่คนในครอบครัวต้องใส่ใจคือสุขภาพจิตของกันและกัน..ไม่อย่างนั้นมันจะสายเกินไป..
อยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกันเราต้องคอยสังเกตุซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอัพเดทกันอยู่ตลอดเวลา
-ตื่นเช้ามาเป็นไง? 
-นอนหลับดีไหม? 
-มีอะไรกังวลใจอยู่รหรือเปล่า?
ในยุคของการสื่อสารที่รวดเร็วและเปิดกว้าง มีข้อมูลข่าวสารมากมายหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก....
มันมีทั้งข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์...
เอาแค่เฉพาะที่มีประโยชน์มันก็มากมายมหาศาลเกินกว่าเราจะจดจำได้หมดแล้ว ...
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องถามตัวเองเวลารับข้อมูลข่าวสารคือ 
..โอเคมันเป็นความรู้และมีประโยชน์ แต่มันมีประโยชน์ต่อชีวิตเราไหม? 
ถ้ามันไม่ใช่ก็ละๆไว้ไม่ต้องไปรู้มันก็ได้ หันมารู้ให้มากเกี่ยวกับคนใกล้ตัว คนในครอบครัวจะดีกว่า
เพราะความรู้กว่า 80% บนโลกใบนี้เป็นความรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตและไม่เป็นประโยชน์ต่อจิตใจเราเองเลยแม้แต่น้อย...
...เป็นเพียงความรู้ไว้ประดับสมอง 
...เป็นความรู้เพื่อการสอบวัดผล 
และความรู้ประเภท รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม... 
อาจเพราะไม่คัดกรองข่าวสารและไม่จัดลำดับความสำคัญ เราจึงมักพบเห็นข่าวคนมีความรู้สูงมากมายกระทำสิ่งที่ส่งผลร้ายต่อชีวิตเขาเองและคนรอบข้างอยู่เนืองๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือข่าวในทีวี...
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ถ้าเราเป็นคนมีความรู้มากมายแต่เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตจิตใจตัวเองและคนที่เรารัก...
เราเคยรู้กันไหมว่ากี่ครั้งในหนึ่งวันที่เราเผลอทุกข์ให้กับเรื่องที่ไม่ควรทุกข์ หรือเผลอไปคาดหวังกับเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าคาดหวังไม่ได้?
ความรู้ที่ทันต่อสถานการณ์บ้านเมือง ทันทุกข่าวเม้าส์ได้ทุกเรื่องมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเราไม่รู้เท่าทันจิตใจตัวเอง ไม่ทันข่าวคนในครอบครัวไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งช่วยชีวิตพวกเขาไว้ไม่ทัน...
..........ในยุคที่อินเตอร์เน็ทตอบเราได้ทุกอย่างแต่เรากลับตอบตัวเองไม่ได้ว่าชีวิตคืออะไร? 
และสิ่งใดกันแน่ที่เราควรให้ความสำคัญ?...
...อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างความทุกข์ที่กำลังเผชิญกับคุณค่าของการมีชีวิตอยู่? 
ไม่มีความทุกข์อันใดบนโลกใบนี้มีค่าเพียงพอให้เราแลกมันด้วยชีวิต...
เราต้องตระหนักรู้ให้ได้ว่า ทุกปัญหามีทางออก...ทุกความทุกข์มีทางหลุดพ้น...
รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้สองสิ่งนี้....
และสำหรับคนที่กำลังเป็นทุกข์ จมทุกข์ ขอรู้ไว้เสมอว่า
....รู้อะไรก็ไม่สู้ รู้สึกตัว ....
...ไม่ว่าจะทุกข์ด้วยเรื่องอะไร หนักหนาสาหัสแค่ไหน สิ่งสำคัญคือเราต้องหาความสุขในชีวิตเราให้เจอ...ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เคยมี หรือกำลังจะมีในอนาคต...
อย่าปล่อยให้ความทุกข์ครอบครองพื้นที่ในจิตใจและสมองของเราจนเข้าใจผิดว่าชีวิตนี้มีแต่ทุกข์...จนกระทั่งวันหนึ่งสมองก็หมดความสามารถที่จะหาความสุขที่เคยมีเจอ...และเข้าใจไปว่าความสุขของเรามันไม่เคยมีอยู่จริง...ซึ่งคืออาการของคนเป็นโรคซึมเศร้า
ทั้งๆที่ความจริงคือชีวิตนี้มีทั้งสุขและทุกข์สลับกันเกิดดับในจิตใจเรามาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต....
...ทุกข์ แล้วก็สุข ....
...สุข แล้วก็ทุกข์ ....  
มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด...มันมีเกิดมันมีดับ
...ซึ่งนั่นแปลว่ามันไม่จีรังยั่งยืน
....เพราะฉนั้นความทุกข์ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยั่งยืนเช่นกันวันหนึ่งมันต้องดับไป เปลี่ยนไป ไม่ดับไปตามกาล ก็ดับไปเพราะเราได้ลงมือเปลี่ยนแปลงปัจจัยบางอย่าง...
สิ่งใดแก้ได้เราก็ลงมือแก้ไข สิ่งใดแก้ไม่ได้เราก็ปล่อยให้เวลาเยียวยามันไป....
สิ่งใดเป็นความทุกข์อย่าพยายามไปนึกถึงมันบ่อยๆ 
สิ่งใดเป็นความสุขพยายาดึงมันขึ้นมารู้บ่อยๆ ให้ได้...
สร้างความเข้าใจกับสมองและจิตใจตัวเองเพื่อรักษาสมดุลย์ในชีวิต 
ยุ่งอยู่กับงานภายในจิตใจเราเองดีกว่าไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งนอกตัว..
เวลาไปเห็นไฮไลท์ของใครบางคนในเฟสบุ๊คก็ให้รู้ไว้ว่านั่นก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในชีวิตที่เขาอยากโชว์ ไม่ใช่ทั้งหมด ใครล่ะจะเอาด้านที่ไม่สวยงามของตัวเองออกสื่อ
เวลาไปเห็นด้านมืดของสังคมตามข่าวที่หนังสือพิมพ์หรือทีวีที่ชอบนำเสนอ ก็ให้รู้ไว้ว่านั่นก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของคนในสังคมเหมือนกันไม่ใช่ทั้งหมด ใอ้ที่ดีๆสวยงามมันก็เยอะแค่ว่ามันข่าวแบบนี้มันขายไม่ได้ ไม่ดึงดูดอารมณ์และความสนใจเขาก็ไม่ใคร่จะนำเสนอกันเท่านั้น พอมันเป็นธุรกิจซะแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องของดีมานด์ซัพพลายไม่ใช่แฟ็คทั้งหมด
รู้และเข้าใจข่าวสารไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลว่าทำไมโลกนี้มันมีแต่เรื่องร้ายๆ หรือเผลอไปเปรียบเทียบความไม่มีของตัวเรากับความโชว์พาวของคนอื่นให้ทุกข์ไปเปล่าๆ...

โลกใบนี้มันไม่มีหรอกชีวิตที่มีแต่ทุกข์ หรือชีวิตที่มีแต่สุขเท่านั้น 
มันมาคู่กันเสมอ ไม่เลือกเพศ เลือกวัย ไม่ว่าจะมีความรู้หรือไม่ มีฐานะสูงต่ำเพียงใด...
คนที่มีชีวิตเพียบพร้อมแค่ไหนเขาก็มีความทุกข์ในชีวิต...เพียงแต่เขาจะบอกเราหรือเปล่าเท่านั้น... 
คนที่มีชีวิตบกพร่องข้นแค้นแค่ไหนเขาก็มีความสุขในชีวิต...เพียงแต่เราจะให้ค่าความสุขของเขาอย่างไร...
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารพุ่งกระหน่ำใส่เราไม่หยุดไม่หย่อน 
..เราแค่ต้องหยิบมันขึ้นมารู้และตัดสินให้ได้ว่ามันคืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? 
...และเราจะให้ค่ากับมันระดับไหน? 
ที่สำคัญที่สุด เราให้คุณค่าต่อสิ่งต่างๆในชีวิตของเราอย่างไร? 
เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่คนส่วนใหญ่บอกว่า เราต้องมีให้มาก ทำให้มากและเป็นอะไรๆให้มาก จึงจะเป็นชีวิตที่มีความสุข
...ซึ่งมันไม่จริง! 
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องมีหรือต้องเป็น แต่เป็นสิ่งที่เราต้องมองให้เห็น 
ของที่ต้องมองให้เห็น แปลว่ามันอยู่ตรงนั้นของมันอยู่แล้วนะไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปหามาเพิ่ม... 

...รู้อะไรก็ไม่สู้รู้เรื่องนี้....


บทความที่ได้รับความนิยม