หน้ากากผีเสื้อสมุทรทะเลอันดามันฉันรักเธอ...
เมื่อสองสามวันก่อนได้ดูรายการ The Mask Singer Project A แล้วเกิดความประทับใจ ในกลุ่ม Marine war มีหน้ากากผีเสื้อสมุทรทะเลอันดามัน ซึ่งซ้ำกับหน้ากากผีเสื้อสมุทรในซีซั่นแรกที่เสนาหอยเป็นผู้ใส่
ตอนท้ายรายการหน้ากากผีเสื้อสมุทรฯถูกเปิดหน้ากากและเกิดการเซอร์ไพร้ส์เพราะผู้ที่อยู่ภายใต้หน้ากากคืออุ้ม ลักขณา อดีตคนเคยถูกเสนาหอยแอบรัก
เดาว่าอุ้ม มาเซอร์ไพร้ส์เสนาหอย และผลคือคนทั้งประเทศก็เซอร์ไพร้ส์ไปกับพวกเขาด้วย...
ยอมรับว่าตอนแรกๆที่รับรู้ข่าว เสนาหอยตามจีบอุ้ม ลักขณา สิ่งที่คิดคือ ก็ผู้ชายอ่ะนะ...ก็คงจะหื่น...อยากได้ฯลฯ
คิดงี้จริงๆ เพราะตัดสินจากภาพลักษณ์ภายนอกทั้งของเสนาหอยและอุ้ม ลักขณาล้วนๆ ไม่มีความรู้อื่นเจือปน...
เสนาหอยตามจีบอุ้ม เร่งลดน้ำหนัก ลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองออกกำลังกายสร้างซิกแพคเพื่อให้ฝ่ายหญิงสนใจแต่ก็ไม่เป็นผล....คนในแวดวงบันเทิงก็เม้าส์มอยเรื่องนี้กันในเชิงขบขัน แซวกันอำกันเป็นที่สนุกสนาน
จนในที่สุดก็มีข่าวว่าอุ้มได้เลือกคบหากับชายหนุ่มนอกวงการคนหนึ่ง และเสนาหอยก็อกหักรักคุดไปตามระเบียบ ฝ่ายหญิงก็เพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อไม่กี่วันก่อนที่จะมาออกรายการ
การมาของอุ้มลักขณาภายใต้หน้ากากเดียวกับเสนาหอยจึงเป็นเรื่องเซอร์ไพร้ส์มากๆ ตามมาด้วยคำถามว่า
"เหยยยยยกล้าเล่นขนาดนี้เลยเหรอ?....."
ในโซเชี่ยลมีเดี่ยต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ หลังรายการจบ
ถ้อยคำที่ฝ่ายหญิงพูด อากัปกิริยาของเสนาหอยที่ถึงจะมีรอยยิ้มแต่ถ้าใครสังเกตุจะเห็นว่าเค้ามีน้ำตาคลอๆอยู่ตลอดจนกระทั่ง selfie คู่กันท้ายรายการ
แน่นอนเรื่องนี้เปราะบาง แต่ ณ จุดนี้เรานับถือฝ่ายชายอย่างมากในความเป็นมนุษย์ ความแมน ความยอมรับ และความรักที่แท้จริงที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่ง
ใครหลายคนอาจจะวิพากษ์ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่รายการเอาชีวิตจริงมาล้อเล่น และสงสารเสนาหอยที่ต้องกล้ำกลืนกับความรู้สึกนี้บนเวที แต่เรากลับไม่ได้มองจุดนั้น...
เรามองว่าเรื่องนี้ควรถูกนำเสนอ และมั่นใจว่ารายการรู้ดีถึงความรู้สึกดีที่มีต่อกันของทั้งสองฝ่ายถึงได้กล้าเล่น...
รายการเป็นฝ่ายจัดฉากเพื่อเซอร์ไพร้ส์ แต่คำพูดและสิ่งที่ทั้งสองแสดงออกบนเวทีมันเรียลมากๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ออกจากปากเสนาหอยมันกระตุ้นให้เราได้คิด...
ความรักคืออะไร?
ถ้าความรักคือการได้ครอบครองและต้องได้สมหวัง ทำไมคนที่ผิดหวังอย่างเสนาหอยจึงยังมีความรักและความรู้สึกที่ดีมากมายให้แก่อีกฝ่ายจวบจนบัดนี้ ทั้งๆที่เขาไม่มีโอกาสได้ครอบครองแล้ว
ดูแล้วมันสะท้อนใจเพราะช่วงหลังๆ เรามักได้ยินข่าวหึงหวงที่เลยเถิดไปจนถึงฆ่ากันตายมากมายบนหน้าหนังสือพิมพ์
ร้อยทั้งร้อยเป็นความรักที่ไม่สมหวัง ถูกทิ้ง ถูกบอกเลิก
และคิดว่า "ในเมื่อกูไม่ได้ครอบครอง ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้!..." เลยหยิบยื่นความตายให้กับอีกฝ่าย...
เมื่อไหร่กันนะที่สังคมเราเริ่มคุ้นชินกับการที่ความตายเป็นจุดจบของอาการอกหัก?
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเพิ่งได้นั่งดูหนังวัยรุ่นเรื่องหนึ่งซึ่งน่าจะออกฉายเมื่อนานมาแล้ว
พอดีช่องเขาเอามารีรันฉายให้ดู
หนังเกี่ยวกับชีวิตรักของวัยรุ่นหลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงวัยทำงาน
วัยมัธยมต้นก็เป็นการแข่งขันการจีบสาวของเพื่อนรักนักจีบ 2 คน จนเริ่มบาดหมางกัน แย่งชิงกันแบบเด็กๆ แต่ท้ายที่สุดเมื่อต้องเลือกเขาทั้งสองก็เลือกมิตรภาพไม่ใช่ผู้หญิง จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเพราะก็ยังเด็กด้วยกันทั้งสามคน ต่างคนต่างดำเนินชีวิตไปตามวัย วันหนึ่งที่ความรู้สึกเจ็บปวดมันจางหายไปพวกเขาก็มองเรื่องนี้เป็นเรื่องขำขันที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอำกันเล่นในเวลาที่ต้องมาเจอกันอีกครั้ง หรืองานเลี้ยงรุ่นโรงเรียนเก่า...
วัยมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องของเพื่อนที่แอบรักเพื่อน แต่ฝ่ายหญิงเค้าไม่เอาด้วย หนังทำออกมาได้เจ็บปวดและโคตรสงสารฝ่ายชายมากๆที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่ายหญิงสนใจ แต่มันเป็นความครีเอทและโรแมนติกที่แทบไม่มีค่าอะไรเพราะอีกฝ่ายเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วย
แน่นอนวัยนั้นพวกเราจะเป็นพวกซาดิสม์ ยิ่งอกหักยิ่งเจ็บปวดยิ่งตอกย้ำตัวเอง...
รู้ว่าเขาไม่รักก็ยังพยายามเพียงเพื่อจะพบกับความผิดหวังแบบเดิมๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่จำ
เปิดเพลงอกหักฟังแล้วนั่งร้องไห้คนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร
แอบไปทำ MV ในห้องน้ำ ยืนร้องไห้เปิดฝักบัวราดหัว หรือออกไปเดินตากฝนบนถนนเหงาๆ
หนังก็สะท้อนชีวิตคนจริงๆนั่นแหละ...ตอนวัยรุ่นพวกเราก็ทำอย่างนั้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันคงจะเดินไปเขกหัวตัวเองแล้วถามว่า "มึงเป็นไรมากมั้ย?..." ฮ่าๆๆ
แต่ที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้ สุดท้ายเราก็เข้าใจในสภาพและยอมรับสถานะว่าเราคงเป็นได้แค่เพื่อนกัน ชีวิตต้องเดินต่อไป...
การถูกปฏิเสธไม่ได้แปลว่าชีวิตเราจะต้องจบลงตรงนั้น และไม่มีใครควรต้องมาตายเพียงเพราะไม่รับรักหรือหมดรักอีกฝ่าย...
ยังจำคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีสะเทือนขวัญที่ นศ.แพทย์เสริม สาครราษฎร์ฆ่าหั่นศพเจนจิรา คนรักกันได้หรือเปล่า?
เรายังจำได้เพราะมันเป็นคำพิพากษาศาลที่อธิบายและแก้ไขความหลงผิดในเรื่องความรักของฆาตกร ได้อย่างครบถ้วนและน่าประทับใจ
"ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะจำเลยกับผู้ตายมีความสัมพันธ์กันฉันคนรัก แต่ผู้ตายต้องการเลิกความสัมพันธ์กับจำเลยไปมีรักกับผู้ชายคนใหม่ จำเลยจึงบันดาลโทสะฆ่าผู้ตายนั้น เห็นว่า ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริง คือ ความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่"
Anyway, ย้อนกลับมาที่เรื่องเสนาหอยและอุ้ม ลักขณา
เราว่ามันดีมากที่รายการนำเสนอเรื่องราวดีๆ ระหว่างคนสองคนที่ไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งด้วยกัน ....และมันก็ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เกลียดกัน ไม่มีใครเสียจริตจนต้องไปทำสิ่งเลวร้ายในชีวิตเพื่อประชดรัก
พี่หอยยังคงมีชีวิตต่อไป ทำงาน มีอารมณ์ขัน ความไม่สมหวังไม่สามารถทำร้ายเค้าได้ตราบใดที่เขามีทัศนคติที่ถูกต้องแบบนี้...
อุ้มเองก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่ต้องมารับผิดชอบความไม่สมหวังของอีกฝ่าย เพราะมันไม่ผิดอะไรที่เราจะไม่ได้รักใครสักคนในแบบที่เค้าต้องการ...คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่...
เราต้องไม่สับสนระหว่างความรู้สึกดีๆที่เรามีให้ต่อคนๆหนึ่ง มันต้องชัดเจนว่านี่ไม่ใช่ความรักในแบบที่เราอยากจะใช้ชีวิตคู่แต่งงานด้วย มันเป็นความรักในแบบพี่น้อง ในแบบเพื่อนกัน ในแบบที่มนุษย์คนหนึ่งมีต่อมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเอาจริงๆเราว่ามันยิ่งใหญ่กว่าแบบแรกด้วยซ้ำ...
เราเห็นมาเยอะแล้ว คนที่ยอมลงเอยกับอีกฝ่ายเพียงเพราะสงสาร และต้องทนใช้ชีวิตอยุ่ด้วยกันแล้วก็สับสนตัวเองจนทำให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมาภายหลัง เพราะพวกเขาไม่ชัดเจนและสับสน แยกแยะไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่ออีกฝ่ายมันคืออะไร ระดับไหนและอย่างไร...
เรารู้สึกขอบคุณรายการ The Mask Singer Project A ที่นำเสนออะไรแบบนี้ ในเวลาแบบนี้...
เราว่ามันมีประโยชน์มากกว่าโทษ แน่นอนมันอาจกระทบกับความรู้สึกบางอย่างในใจทั้งเสนาหอยและคนดูที่มีอารมณ์ร่วมเพราะมีประสบการณ์เดียวกัน แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่รายการนำเสนอและอยากให้ผู้ชมอย่างเรารับรู้ เป็นมุมและข้อคิดดีๆ ที่จะช่วยให้คุณผ่านวันอันเจ็บปวดนี้ได้ และเริ่มมองมันใหม่ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง
เรื่องนี้เริ่มต้นจากความรักที่ไม่แฮปปี้เอนดิ้ง แต่เอนดิ้งลงแบบแฮปปี้จริงๆนะ ....